กรรมฐานรักษาโรคหอบหืด
พระธเนศ หิตกาโม
R9013
เมื่อประมาณวันที่
๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ อาตมาซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ในเพศฆราวาส
ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกวิปัสสนากรรมฐานถือศีลแปด
ที่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดอัมพวันอยู่ ๑๑ วัน
เพราะโยมอาผู้หญิงของอาตมาได้ชักชวนมาเพื่อให้รักษาโรคประจำตัวของอาตมา
ที่ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาถึง ๔ ปี โรคนั้นคือ โรคหอบหืด
อาตมาพยายามรักษาทุกวิถีทาง
ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ ทั้งยาจีนและยาไทย อาตมาทดลองรักษามาหมดแล้ว
แต่อาการของโรคก็ไม่ดีขึ้นเลย กลับทรุดหนักลงเรื่อย ๆ
จนถึงขึ้นทำให้ต้องเข้าห้องไอซียูเมื่อปี ๒๕๓๖ อยู่หลายครั้ง (ประมาณ ๓ ครั้ง)
และเปลี่ยนโรงพยาบาลอยู่หลายแห่ง เอกซเรย์รักษาโรคอยู่หลายหน (ประมาณ ๑๐ ครั้ง)
ก็ปรากฏว่าไม่เคยพบเห็นอะไรที่ผิดปกติ แต่หมอก็ไม่สามารถหาวิธีที่จะรักษาโรคร้ายนี้ได้
ทุกวันประมาณตี
๑ ถึงตี ๒ อาตมาต้องลุกขึ้นมาพ่นย่าเพื่อขยายหลอดลม และทานยาควบคุมอยู่เสมอ
ไม่สามารถหยุดทานยาได้ หยุดทานยาเมื่อไรอาการกำเริบเมื่อนั้น
และถ้าบางคืนยาไม่สามารถรักษาได้ ตอนเช้าก็ต้องไปฉีดยารักษาอีก
อาตมาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดมา จนไม่มีกำลังใจ ท้อแท้ต่อชีวิต
และคิดว่าคงอีกยาวนานกว่าที่จะได้รักษาโรคนี้ได้
หรืออาจจะไม่มีทางรักษาให้หายได้เลย
จนกระทั่งโยมอาของอาตมาซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ
หลวงพ่อจรัญ
ได้พยายามชักชวนอาตมาให้มาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก้กรรมที่ตัวเองได้สร้างไว้แต่ในครั้งอดีต
เผื่อว่ามีบุญกุศลเพียงพอจะได้ช่วยให้อาการป่วยเรื้อรังนี้ทุเลาลงได้
โยมเอาพยายามชวนอาตมาเป็นเวลา ๑ ปี จึงทำให้อาตมายอมมาปฏิบัติธรรม
เมื่ออาตมาเข้ามาปฏิบัติแล้ว
ก็พยายามปฏิบัติตามที่อาจารย์ผู้สอนแนะนำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่เพียง ๔ วัน
แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็ปรากฏว่าอาการของอาตมาดีขึ้น โดยปกติตอนกลางคืนต้องพ่นยา
แต่ในคืนนั้นอาตมาไม่ต้องพ่นยาก็อยู่ได้ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งไปหมด
ก็มีกำลังใจและมั่นใจในการปฏิบัติมากขึ้น
จึงไปขอแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับลงทะเบียนว่าจะขออยู่ต่ออีก ๗ วัน
ขณะที่อยู่ในช่วงการปฏิบัตินั้น
มีโอกาสได้ฟังธรรมจากคำสอนของหลวงพ่อ ทำให้อาตมามีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า
จึงคิดว่าจะอุปสมบทที่วัดอัมพวัน จนเมื่ออาตมาลาศีลเรียบร้อย
จึงมุ่งไปขอสมัครบวชในวันลาศีลนั้นเลย
อาตมาได้บวชเมื่อวันที่
๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ และตั้งใจจะบวช ๓ เดือน แต่เมื่อบวชได้ครบ ๑ เดือน
ก็ปรากฏว่าพระเพื่อนที่บวชรุ่นเดียวกัน จำนวน ๑๕ องค์ ก็คิดจะขอลาบวช
จึงเข้าไปพบหลวงพ่อเพื่อขอลา และขอโอวาทเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตในเพศฆราวาสต่อไป
อาตมาจึงได้ตามไปฟังในวันนั้นด้วย
คืนนั้นอาตมาจำได้แม่นยำ
เพราะต้องนั่งรอหลวงพ่อตั้งแต่เวลา ๓ ทุ่ม แต่หลวงพ่อมีภารกิจเร่งด่วน
และสำคัญที่จะต้องทำให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงลงมาพบได้ก็เมื่อเวลาประมาณตี ๑ ครึ่ง
หลวงพ่อท่านให้พร และให้โอวาทอยู่นานจนเวลาล่วงเลยไปถึงประมาณตี ๒ กว่า
อาตมาก็รู้สึกว่าโรคหืดหอบกำลังจะกำเริบอย่างรุนแรง เพราะว่าแน่นหน้าอกไปหมด
หายใจไม่ออก เหงื่อก็ออกท่วมตัว ทั้ง ๆ ที่คืนนั้นอากาศเย็น
อาตมาพยายามฝืนฟังธรรมะของหลวงพ่อ แต่มันก็ไม่สามารถทนได้ อาการหืดหอบได้รุนแรงขึ้นมาก
หลวงพ่อจึงรีบให้ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงท่านไปนำยาลมที่ท่านใช้อยู่ประจำมาให้
อาตมาจึงค่อยคลายจากอาการทุรนทุราย
เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว
หลวงพ่อจึงบอกกับอาตมาว่าโรคที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นโรคของกฎแห่งกรรม ยาที่ท่านให้หรือจะไปรักษาอย่างไรก็ไม่สามารถจะรักษาให้หายได้
นอกเสียจากจะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อรักษาตัวเอง เป็นหนทางเดียวเท่านั้น
หลวงพ่อจึงส่งให้เข้าเก็บอารมณ์เป็นเวลา ๗ วัน ณ ห้องเก็บอารมณ์เขตสวนป่าภาวนา
จากวันนั้นอาการต่าง
ๆ ของอาตมาก็เริ่มดีขึ้น ยาที่ใช้ก็สามารถลดจำนวนลงได้เรื่อย ๆ
จนกระทั่งในที่สุดเมื่อออกพรรษาแล้ว ๑๐ วัน
อาการของโรคหืดหอบที่หมอไม่รักษาให้หายได้ กลับหายได้ด้วย
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อาตมาไม่ต้องพ่นยา ไม่ต้องทานยา
และไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกแล้ว
ปัจจุบันนี้อาตมาซึ้งในในการปฏิบัติธรรม
ที่สามารถแก้ไขกฎแห่งกรรมของอาตมา และรักษาโรคที่ทำให้ต้องทรมานอยู่เป็นเวลาถึง ๔
ปีให้หายได้ และเพราะบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อท่าน ได้ให้ทางแห่งแสงสว่างที่ถูกต้องแก่อาตมา
อาตมาจะขอรับใช้หลวงพ่อไปจนกว่าจะหมดบุญวาสนาที่จะอยู่ในเพศอันสูงส่งนี้ได้
----------
จบ ----------