สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - ๒๙
สุทัสสา อ่อนค้อม
ธันวาคม ๒๕๓๗
๒๙...
วันรุ่งขึ้นหลังจากฉันภัตตาหารเช้าเสร็จแล้ว
ท่านพระครูจึงเดินทางไปเยี่ยมมารดาของเถ้าแก่บัวเฮงที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี
นายบัวเฮงนำท่านเข้าไปในห้องมารดา ซึ่งมีลูกหลานห้อมล้อมอยู่เต็ม เห็นท่านมา
พวกเขาพากันดีใจราวกับเทวดามาโปรด
หลงพ่อช่วยอีล่วย
ช่วยให้อีพูกกะลูกกะหลางหน่อย อีไม่ยอมพูกมาสามวังเลี้ยว
ภรรยาของนายบัวเฮงบอกให้ท่านช่วย
ก็อีจะไปอยู่แล้ว
จะให้อีพูดอะไรอีกล่ะ แล้วทำไมจะต้องพูดด้วย ท่านย้อนถาม
ต้องพูกซีหลงพ่อ
ก็อียังไม่ล่ายแบ่งสมบัก อียังไม่ล่ายบอกว่านาจายกให้ใค ไล่ยกให้ใค
เงินในทานาคางยกให้ใค
ลูกสะใภ้ของคนที่นอนแบ็บอยู่บนเตียงสาธยาย
จริงครับหลวงพ่อ แม่ยังไม่ได้แบ่งสมบัติให้พวกเรา
เกิดแกตายไปตอนนี้ พวกพี่ ๆ น้อง ๆ คงวิวาทกันเพราะเรื่องสมบัติ
ลูกชายคนรองซึ่งเป็นครู เห็นด้วยกับพี่สะใภ้ ผู้มาเยือนรู้สึกสลดใจแทนคนที่กำลังจะตาย
จึงพูดขึ้นว่า
แหม
อาตมานึกว่าโยมห่วงคนเจ็บ ที่แท้ก็ห่วงสมบัตินี่เอง
โธ่ หลวงพ่อคะ
เรื่องเงินเรื่องทองมันไม่เข้าใครออกใครนะคะ ห่วงแม่พวกเราก็ห่วงแหละค่ะ แต่ขณะเดียวกันเราก็ห่วงตัวเองด้วย
ถ้าแม่ตาย หนูคงเดือดร้อนกว่าเพื่อนเพราะยังไม่ได้ทำงาน เรียนก็ยังไม่จบ
ลูกสาวคนสุดท้องพูดขึ้น พวกหลาน ๆ ซึ่งยังไม่รู้ประสีประสาพากันวิ่งเล่นเป็นที่ครื้นเครง
ท่านพระครูมองคนเจ็บอีกครั้ง
หนอนตัวโตขนาดเท่านิ้วก้อยไต่ออกมาจากผ้าห่ม ท่านนึกแปลกใจว่าคนป่วยยังไม่ทันตาย
แต่ทำไมมีหนอน จึงบอกให้นายบัวเฮงเลิกผ้าห่มขึ้นดู
ตายจริงเถ้าแก่
ทำไมปล่อยให้หนอนขึ้นแม่อย่างนี้ล่ะ
ท่านพูดเชิงตำหนิเมื่อเห็นหนอนไต่ยั้วเยี้ยอยู่ที่ตัวผู้ป่วย
ไม่รู้มันมาได้ยังไงครับหลวงพ่อ
ผมก็ช่วยกันเก็บทิ้งไปหลายตัวแล้ว ลูกชายที่เป็นครูพูด
มังไต่มาจากแผข้างหลัง นายบัวเฮงพูดพร้อมกับจับมารดาให้อยู่ในท่านอนตะแคง จริงดังที่เขาพูด แผ่นหลังบริเวณกระเบนเหน็บเป็นแผลเน่าลึกจนถึงกระดูก หมู่หนอนกำลังเจาะกินน้ำเลือดน้ำหนองกันให้ยุ่บยั่บไปหมด สภาพของคนเจ็บในเวลานี้ไม่ต่างไปจากซากศพที่ยังมีลมหายใจ
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงอยากรู้ต้นสายปลายเหตุจึงกำหนด
เห็นหนอ แล้วก็ได้รู้
ได้เห็นกฎแห่งกรรมของนางกิมหงอย่างจะแจ้ง
นางกิมหงสะสมบาปไว้มากตั้งแต่สาวจนแก่
กระทั่งกลายเป็น อาจิณณกรรม อาชีพค้าขายและออกเงินกู้
เปิดโอกาสให้นางได้สร้างกรรมชั่วด้วยการฉ้อโกงลูกค้าและลูกหนี้ จนสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองถึงขนาดมีสมบัติพัสถานมากมายให้ลูกหลานมานั่งยื้อแย่งกันในขณะที่นางกำลังจะตาย!
เอาละ
ถ้าอยากให้คนเจ็บพูด ก็ขอให้ทุกคนออกไปจากห้องให้หมด
รอให้อาตมาเรียกเสียก่อนแล้วจึงเข้ามา ท่านออกคำสั่ง ลูกหลานทำท่าลังเลนิดหนึ่ง
ในที่สุดก็พากันออกไปแต่โดยดี ช่วยเรียกคนขับรถของอาตมาเข้ามาในที่นี้ด้วย
ท่านไม่ต้องการอยู่สองต่อสองกับสตรีเพศในที่ลับตาคน แม้สตรีนั้นอายุมากกว่าท่าน
และกำลังอยู่ในสภาพใกล้ตายก็ตาม
สมชายล็อคประตูด้วย
ท่านสั่งลูกศิษย์เพื่อกันคนแอบฟัง
อาซิ้ม
อาตมารู้ว่าลื้อพูดได้ แต่ที่ลื้อไม่ยอมพูด
เพราะโกรธที่ลูกหลานมาแย่งสมบัติกันต่อหน้าลื้อใช่ไหม
ใช่เลี้ยวหลงพ่อ
อั๊วะโกกมัง เกียกพวกมังทุกคง
คนเจ็บพูดเสียงแหบพร่า หากท่านก็ได้ยินชัดเจน เพราะกำหนด ฟังหนอ
ซิ้ม
ถ้าลื้อโกรธลื้อเกลียดพวกเขา ลื้อก็จะไปไม่ดี ไหน ๆ ก็จะไปแล้วทำใจให้สบาย
แล้วก็จัดการอะไรต่อมิอะไรเสียให้เรียบร้อย รู้ตัวหรือเปล่าว่าลื้อน่ะสะสมบาปไว้มาก
อาตมาเห็นหมดแล้ว จึงอยากจะช่วยให้สติแก่ลื้อ อยากให้อาตมาช่วยไหม ท่านถาม แม้จะรู้สึกสลดใจ
หากในความสลดใจนั้นมีความเมตตาปรานีแฝงอยู่ ท่านจึงต้องช่วยเขาไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตาม
อยาก
นางกิมหงตอบด้วยเสียงอยู่ในลำคอ
ถ้าอยากก็ต้องอโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเสียก่อน
พอจะจำได้ไหมว่า ทำเวรทำกรรมไว้กับใครเขาบ้าง ท่านถามพร้อมกับแผ่เมตตาให้ นางกิมหงรู้สึกมีกำลังขึ้น
สมองที่ตื้อตันกลับปลอดโปร่ง ระลึกรู้บาปกรรมที่ทำไว้ครบถ้วน
ภาพเหตุการณ์และเรื่องราวต่าง
ๆ ไหลเข้ามาสู่ห้วงสำนึกเหมือนภาพยนตร์ที่เข้าฉายเร็ว ๆ ให้ดู
เริ่มตั้งแต่ภาพแม่หนูน้อยวัยแปดขวบกำธนบัตรใบละร้อยมาซื้อของที่ร้านของนาง
อาซิ้มซื้อข้าวเหนียวสามลิตร
กล้วยน้ำว้าสองหวี มะพร้าวขูดสองกิโล น้ำตาลทรายครึ่งกิโล
แม่หนูอ่านรายการที่มารดาจดมาให้ นางจัดของให้ตามรายการ และทอนเงินให้เป็นที่เรียบร้อย
บังเอิญแม่หนูหอบของไปไม่หมด จึงออกปากฝากข้าวเหนียวไว้แล้วหิ้วของอื่น ๆ
กลับไปบ้าน
ทันทีที่เด็กหญิงออกจากร้าน
นางก็คว้าถุงข้าวเหนียวมาเทกลับคืนไว้ในกระสอบ ครูใหญ่ ๆ แม่หนูก็กลับมาทวงถาม อาซิ้มหนูมาเอาข้าวเหนียวที่ฝากไว้
ข้าวอาไล อั๊วะไม่ลู้
ไม่เห็งมีใคมาฝาก นางปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่ว่าแม่หนูจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไร
นางก็บอกว่าไม่รู้ท่าเดียว เด็กหญิงเดินกลับไปบอกมารดาที่บ้าน
ผู้หญิงคนนั้นมาที่ร้าน ถือไม้เรียวมาด้วย
เมื่อนางบอกว่าไม่รู้เรื่องข้าวเหนียวที่เด็กอ้างว่าฝากไว้
หญิงนั้นเข้าใจว่าลูกยักยอกเงิน จึงใช้ไม้เรียวตีเด็กหญิงต่อหน้านาง
ตีจนลายไปทั้งตัว เสร็จแล้วจึงซื้อข้าวเหนียวสามลิตรกลับไปบ้าน
เป็นข้าวเหนียวที่นางเพิ่งเทคืนกระสอบนั่นเอง
ถัดจากภาพเรื่องราวของเด็กหญิง
ก็เป็นภาพที่นางโกงกิโลพืชผลที่พวกชาวไร่นำมาขาย โดยใช้เท้ายันก้นเข่งไว้ขณะชั่งด้วยตราชั่งคันยาว
การกระทำเช่นนั้นทำให้นางสามารถโกงน้ำหนักพืชผลได้เข่งละประมาณสามถึงห้ากิโลกรัม
วันหนึ่ง ๆ ต้องชั่งเป็นสิบ ๆ เข่ง
ก็เท่ากับนางโกงเขาวันละสามสิบถึงห้าสิบกิโลกรัม
ต่อจากเรื่องโกงกิโล
ก็เป็นเรื่องโกงดอกเบี้ยลูกหนี้ โดยทำหลักฐานปลอมขึ้นใช้
สารพัดสารพันที่นางฉ้อโกงและฉ้อฉล คงเป็นเพราะความชั่วร้ายของนาง จึงทำให้ถูกหนอนกินทั้ง
ๆ ที่ยังไม่ทันตาย ไหนจะทุกข์เรื่องลูกหลานซึ่งบัดนี้นางได้ตระหนักแล้วว่า
พวกเขาไม่ได้รัก ไม่ได้ห่วงนาง แต่ละคนรักและห่วงตัวเองกันทั้งนั้น
คิดถึงตอนนี้นางยิ่งโกรธเคืองลูกหลานมากขึ้น จึงบอกท่านพระครูด้วยความเจ็บใจว่า หลงพ่อ
อั๊วะยกสมบักให้ลื้อทั้งหมด ลื้อเอาไปให้หมกเลยนะ อั๊วะทาหวาย
ไม่ได้หรอกซิ้ม
อาตมารับไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ของบริสุทธิ์ ลื้อได้มาด้วยความทุจริต
ถ้าลื้ออยากได้บุญ ก็แบ่งให้ลูกหลานอย่างยุติธรรมก็แล้วกัน ประเดี๋ยวพวกเขาเข้ามา
ลื้อก็บอกเขาเสียว่าจะให้อะไรแก่ใคร อาตมาเป็นพยานให้
อั๊วะอยากคึงเขา
คึงคงที่อั๊วะโกงมังมา
นางบอกด้วยความกลัวบาป
ไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้
มันยุ่งยาก เอาเถอะ เดี๋ยวอาตมาจะสอนให้ขออโหสิกรรม
แล้วลื้อจะต้องสอนลูกสอนหลานว่าให้เลิกหากินในทางทุจริต
ช่วยกันทำบุญทำทานแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ลื้อ ทำได้ไหมเล่า ท่านแนะแนวทาง
ทำล่าย อั๊วะทำล่าย หลงพ่อ
เลียกพวกมังเข้ามา อั๊วะจาไปเลี้ยว
นางกิมหงพูดอย่างอยากจะละทิ้งสังขารนั้นเสียเร็ว
ๆ
สมชายเปิดประตูเรียกพวกเขาเข้ามา
ท่านสั่งคนเป็นลูกศิษย์
เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาในห้องก็ให้รู้สึกแปลกใจที่คนเจ็บพูดจ้อย
ๆ พลังเมตตาที่ท่านพระครูแผ่ให้บวกกับกำลังใจของตัวเอง
ทำให้นางกิมหงลืมความทุกข์ทรมานได้ชั่วครู่ นางจัดการแบ่งสมบัติให้ลูกหลาน
สั่งสอนให้เขาหากินในทางสุจริต ถ้าพวกลื้อทำอย่างอั๊วะ
ก็ต้องถูกหนอนกินตั้งแต่ยังไม่ตาย แล้วจาลู้ว่า มังทอลามางชิกหายเลย พูดจบนางก็หลับตา
ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้ากลับคืนมาอีก
นางพยายามนึกถึงดวงหน้าของท่านพระครูจนกระทั่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
แม่
อาม่า
เสียงลูกหลานร้องตะเบ็งเซ็งแซ่ เพิ่งจะมองเห็นคุณค่าของคนที่จากไป
ท่านพระครูต้องพูดปลอดใจอยู่หลายนาทีกว่าพวกเขาจะระงับความโศกาอาดูรไว้ได้
เอาละ เขาไปดีแล้ว
หมดหน้าที่ของอาตมาแล้ว จะได้ลากลับเสียที เรื่องศพก็จัดการไปตามประเพณีก็แล้วกัน
ที่สำคัญอย่าลืมทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ตายด้วย เขาจะได้ไม่ต้องไปรับโทษนาน
ท่านแนะนำสั่งสอนเสร็จสรรพ แล้วจึงลากลับ เพราะจะต้องเข้าเมืองไปร่วมในงานฉลองพัดยศของเจ้าคณะจังหวัด
ซึ่งจะเริ่มเมื่อเวลาสิบสี่นาฬิกาตรง
หลวงพ่อ
ถ้าผมไม่เห็นกับตาเป็นไม่ยอมเชื่อเด็ดขาดว่าคนถูกหนอนขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตาย
นี่ขนาดเห็นกับตาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ผมฝันไปหรือเปล่าครับหลวงพ่อ นายสมชายแสดงความประหลาดใจพลางก็สัพยอกท่านไปด้วย
โลกนี้มันก็เหมือนความฝันอยู่แล้วสมชายเอ๊ย
บางครั้งคนบางคนก็สามารถฝันได้โดยไม่ต้องหลับ เช่น เธอเป็นต้น
ต้นอะไรครับหลวงพ่อ
ผมเป็นต้นอะไร ต้นมะม่วงหรือต้นมะปราง ลูกศิษย์ตั้งใจยั่วอาจารย์เพื่อคลายความเครียด
ภาพคนเจ็บถูกหนอนชอนไชยังติดหูติดตาชวนให้คลื่นเหียนอาเจียนยิ่งนัก
ไหนจะกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นซากศพนั่นอีกเล่า
ต้นตระกูลยวน ท่านพระครูตอบ
งั้นผมก็เป็นญาติกับหลวงพี่บัวเฮียวน่ะซีครับ
เพราะหลวงพี่ก็เป็นญวน
ลูกศิษย์วัดไปได้เรื่อย ๆ
มัวพูดมากอยู่นั่นแหละ
เร่งเครื่องหน่อย ประเดี๋ยวจะไม่ทันงานเขา ท่านกำชับ
เหยียบสองร้อยเลยดีไหมครับ
จะไปเอาที่ไหนอีกยี่สิบล่ะ
ก็ที่เขาให้ไว้มันแค่ร้อยแปดสิบเท่านั้นเอง ท่านหมายถึงหน้าปัดบอกอัตราความเร็วของรถ
ก็เอาที่หลวงพ่อไงครับ
หลวงพ่อก็เพิ่มพลังจิตเข้ามาอีกยี่สิบ รับรองว่าไปเร็วราวกับเหาะ
อย่าเพิ่งเลย
ฉันยังไม่อยากตาย ยังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก ถ้าเธอเบื่อชีวิต จะตายไปก่อนก็ได้
ฉันอนุญาต
ผมยังไม่กล้าตายหรอกครับ
เดี๋ยวไม่มีคนขับรถให้หลวงพ่อ
ตายไปแล้วก็มาขับให้ได้
ดีเสียอีก จะได้ไม่ต้องพูดมากให้ฉันรำคาญ หยุดพูดได้แล้วนะ
ฉันจะแผ่เมตตาให้พวกสัมภเวสีเขาหน่อย แล้วท่านก็นั่งหลับตานิ่งอยู่ คนที่ทำหน้าที่ขับรถจึงต้องสงบปากสงบคำลง
งานฉลองพัดยศของท่านเจ้าคณะจังหวัด
ถูกจัดขึ้นอย่างมโหฬาร โดยการร่วมแรงร่วมใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ซึ่งมีทั้งครู
ตำรวจ ทหาร และพ่อค้า ประชาชน
เมื่อไปถึง
ท่านพระครูจึงเข้าไปยั้งเต๊นท์ปะรำพิธี ซึ่งจัดอาสนะไว้ต้อนรับพระสงฆ์ที่มาร่วมงาน
โดยเรียงลำดับอายุพรรษา ท่านได้ที่นั่งติดกับหลวงตาสูงอายุรูปหนึ่ง
ถัดจากท่านเป็นหลวงพ่อซึ่งแม้อายุจะมากกว่า หากอายุพรรษาน้อย
เพราะบวชตอนอายุมากแล้ว จำนวนพระสงฆ์ที่จะมาร่วมในพิธีนี้มีทั้งหมด ๙๙ รูป
นั่งเรียงรายดูเหลืองอร่ามไปทั้งปะรำพิธี มีเต๊นท์ขนาดใหญ่ขึงไว้กว่าสิบหลัง
เพื่อให้บรรดาผู้มาร่วมงานได้นั่งฟังพระเจริญพระพุทธมนต์
เหลือเวลาอีกหนึ่งนาที
พระสงฆ์ ๙๙ รูป ก็จะเจริญพระพุทธมนต์ ทันใดนั้นได้เกิดลมบ้าหมูพัดกรรโชกขึ้น
ความแรงของลมได้หอบเต๊นท์หลังที่ติดกับปะรำพิธีขึ้นสูงถึงระดับยอดไม้
เสาเต๊นท์ซึ่งเป็นเหล็กแท่งยาวได้หลุดออกและพุ่งเข้าใส่ท่านพระครู
ถูกปากครึ่งจมูกครึ่ง เลือดแดงฉาน ท่ามกลางความตะลึงงันของพระและฆราวาสที่เห็นเหตุการณ์
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงรู้สึกเจ็บราวใจจะขาด
ท่านสำรวมจิตกำหนด เจ็บหนอ
เจ็บหนอ
ด้วยสติอันว่องไวที่ได้ฝึกไว้อย่างดีแล้ว ความเจ็บปวดนั้นมากมายจนท่านคิดว่า
หากเป็นหลวงตาหรือหลวงพ่อที่นั่งทางเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของท่านโดนเข้าก็คงจะต้องถึงแก่มรณภาพ
เมื่อกำหนด
เจ็บหนอ เจ็บหนอ กระทั่งจิตเป็นสมาธิ
สามารถข่มความเจ็บปวดลงบ้างแล้ว กฎแห่งกรรมก็ฉายแวบขึ้นในมโนทวาร
ท่านเห็นตัวเองกำลังเก็บกวาดลานวัด
พบไม้ท่อนหนึ่งวางเกะกะอยู่ จึงหยิบมันเหวี่ยงไปที่ใต้ต้นปีบ โดยไม่ทันเห็นว่ามีสุนัขตัวหนึ่งนอนหลับอยู่
ไม้ท่อนนั้นจึงไปถูกปากและจมูกของสุนัขเลือดไหลโทรม มันดิ้นเร่า ๆ
ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ท่านต้องต้มยาสมุนไพรกรอกปากมันอยู่หลายวันจนมันหาย
ดูเอาเถิด อุตส่าห์ฝึกสติไว้ดีแล้ว ก็ยังมีอันพลั้งเผลอจนได้
เพียงเผลอไปแค่อึดใจเดียว ยังได้รับผลร้ายถึงปานนี้ กรรมที่ทำโดยมิได้เจตนา
ก็ต้องมารับผล แล้วคนที่ก่อกรรมทำชั่วโดยเจตนานั้นเล่า
เขามิต้องทุกข์ทรมานกว่าท่านเป็นร้อยเท่าพันทวีละหรือ
เมื่อได้สติ
ผู้คนก็ส่งเสียงเอะอะกันขึ้น โชคยังดีที่มีหมอทหารไปร่วมในงาน
เขาจึงจัดการทำแผลให้ท่านอย่างรวดเร็วด้วยความชำนิชำนาญ
และรู้สึกแปลกใจที่ท่านมิได้เป็นอะไรมาก
นี่ถ้าหากเป็นคนอื่นก็คงต้องพาส่งโรงพยาบาลและรักษากันอยู่หลายวัน
หลวงตากับหลวงพ่อที่นั่งข้าง ๆ ยังแอบกระซิบกันว่า ถ้าเป็นเรา
คงกลับบ้านเก่าแน่
เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว
บรรดาศิษยานุศิษย์ก็เฉลิมฉลองด้วยการรำกลองยาวกันเป็นที่ครื้นเครง
ท่านพระครูอยากรู้ว่า นายสมชายไปอยู่เสียที่ใด เพราะใกล้เวลาจะกลับแล้ว
จึงต้องพึ่ง เห็นหนอ ก็เห็นคนขับรถของท่านยืนอยู่กลางวงกลองยาว
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงรู้สึกแปลกใจ
ที่หนึ่งในจำนวนหญิงที่กำลังร่ายรำอยู่อย่างสนุกสนานนั้นมีลักษณะแปลกไปจากคนอื่น ๆ
กล่าวคือ เหนือศีรษะของหล่อนมีแมลงวันหัวเขียวฝูงใหญ่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่
ท่านเพ่งพิจารณาว่า มันเรื่องอะไรกัน ก็ได้เห็นกฎแห่งกรรมของหล่อนอย่างชัดเจน
สตรีผู้นี้เป็นคนทุศีล ศีลห้าข้อหล่อนรักษาไว้ไม่ได้จนข้อเดียว
ท่านยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า หน้าตาหล่อนเหมือนคนใกล้ตาย
จริงอยู่แม้หล่อนจะแต่งหน้าสวยงาม นุ่งห่มสีสดใส หากก็มี สัญญาณมรณะ ปรากฏอยู่
แล้วหล่อนก็ล้มลงศีรษะฟาดพื้น
การรำกลองยาวหยุดชะงัก พวกเขาช่วยกันอุ้มหล่อนมาวางบนเสื่อ และสิ่งอัศจรรย์ที่สุดก็ได้เกิดขึ้น
หนอนตัวเท่าเม็ดขาวสุกไต่ยั้วเยี้ยออกมาจากปาก จมูก ทวารหนักและทวารเบา
ร่างของหล่อนเน่าเดี๋ยวนั้น สิ่งกลิ่นเหม็นคลุ้งมาถึงที่ ๆ ท่านนั่ง เสียงคนวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่
วันนี้ท่านได้เห็นคนถูกหนอนขึ้นถึงสองคน
ทันทีที่ท่านพระครูขึ้นรถ
นายสมชายก็พูดจ้อย ๆ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้เขาเห็นนั้น ท่านก็รู้ก็เห็นเหมือนกัน
แต่เป็นการรู้การเห็นที่ลึกซึ้งกว่า คือเห็นกฎแห่งกรรมของสตรีผู้นั้นด้วย
หลวงพ่อ
ผมอยากตั้งชื่อวันนี้ว่า วันหนอน หลวงพ่อเชื่อไหม
พอคนที่รำกลองยาวแกหงายผึ่งหนอนก็ขึ้นเต็มตัวเลย ได้ยินเขาว่ากันว่า
ยายคนนี้บาปมาก ศีลที่เขาห้ามไว้ แกก็ละเมิดหมด ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ มีชู้
โกหก แล้วก็ขี้เหล้าเมายา ตายปุ๊บเหม็นปั๊บเลย กลิ่นเหม็นยังติดจมูกผมอยู่นี่ คนเล่าทำจมูกฟุดฟิด
สมชาย
ท่านพระครูเรียกชื่อลูกศิษย์
ครับผม ฝ่ายนั้นขานรับ
เงียบเถอะ
สิ่งที่เธอรู้น่ะ ฉันรู้หมดแล้ว แต่สิ่งที่ฉันรู้นั้นมีบางสิ่งที่เธอยังไม่รู้
เธอนี่แย่จริง ๆ
อ้าวหลวงพ่อ ไป ๆ มา ๆ
ไหงมาด่าผมล่ะ
จะไม่ให้ด่ายังไง
แหมมัวแต่ไปดูกลองยาว ไอ้เราจะตายกลับไม่รู้แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ด่าหรือ
เกิดอะไรขึ้นครับหลวงพ่อ ถามอย่างตกใจ
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงจึงเล่าเหตุการณ์ที่ท่านถูกเสาเหล็กพุ่งใส่หน้าให้เขาฟังพร้อมกับสรุปว่า
วันนี้เธอเรียกว่า วันหนอน
แต่สำหรับฉันขอเรียกวันนี้ว่า วันใช้หนี้หมา
แล้วท่านก็หัวเราะหึหึ
ดีแล้วละครับหลวงพ่อ
ใช้ ๆ มันเสียให้หมด จะได้ไม่ต้องเกิดอีก ก็หลวงพ่อบอกจะไม่เกิดอีกไม่ใช่หรือครับ
ก็ว่ายังงั้นแหละ
แต่จะเป็นไปได้แค่ไหนยังไม่รู้ มันก็น่าคิดนะสมชายนะ ดูเอาเถิด
คนตั้งเป็นพันมันไม่เล่นงาน เฉพาะจะพุ่งมาถูกฉันคนเดียว
ถูกอย่างเหมาะเหม็งเสียด้วย
กลับไปนี่
ผมเห็นจะต้องกินยาแอสไพรินสักห้าสิบเม็ด นายสมชายพูดอย่างคนเบื่อโลกเต็มประดา
ร้อยเม็ดดีกว่าน่า ท่านพระครูตั้งใจพูดประชด
ทำไมต้องกินถึงร้อยเม็ดล่ะครับ ถามอย่างสงสัย
จะได้ตายสนิทดี
ไม่ต้องเสียเวลาพาส่งโรงพยาบาล
แหม หลวงพ่อ
ผมพูดเล่นหรอกน่า ถึงผมจะเบื่อโลกยังไง ผมก็ยังไม่อยากตาย อยากอยู่มันทั้งเบื่อ ๆ
นี่แหละ
ไอ้ที่ว่าไม่อยากตาย ๆ
น่ะ ฉันเห็นตายมาเสียนักต่อนักแล้ว ดูอย่างยายคนที่รำกลองยาวนั้นไง
เธอว่าเขาอยากตายหรือเปล่า
คงไม่มังครับ แต่ก็ม่องไปแล้ว
แถมหนอนขึ้นทันทีเลย แหม ผมชักกลัวบาปกลัวกรรมแล้วซีครับหลวงพ่อ
ไม่อยากถูกหนอนกินเหมือนผู้หญิงสองรายนั่น เขาทำท่าขยาด
ดีแล้ว
เธออยู่ใกล้ชิดฉัน ขืนไม่กลัวบาปก็เสียชื่อหมด คนเขาจะว่า ใกล้เกลือกินด่าง
แต่ผมไม่อยากกินทั้งด่างทั้งเกลือแหละครับ
คนเบื่อโลกยังมีอารมณ์ยั่วเย้า
ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เงียบกันไปพักหนึ่ง
คนเบื่อโลกก็เอ่ยขึ้นว่า
ชีวิตคนเรานี่เอาแน่อะไรไม่ได้เลยนะครับหลวงพ่อ
นึกอยากจะตายก็ตายโดยไม่มีปี่ มีขลุ่ย
อ้อ ต้องมีปี่มีขลุ่ยเสียก่อนค่อยตาย
ว่างั้นเถอะ
แหม หลวงพ่อเนี่ย
คราวนี้ผมพูดจริง ๆ นะครับ ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไม่ได้เลย
ขนาดรำกลองยาวอยู่ดี ๆ แท้ ๆ ยังตาย
ก็ในเมื่อเป็นเช่นนี้
เธอก็ต้องหมั่นฝึกสติเข้าไว้ ถ้าสติดีเสียอย่างจะตายที่ไหน เมื่อ ไหร่ ก็ไม่ต้องไปกังวล
ไม่ต้องไปทุกข์ร้อน สติดีในที่นี้ ไม่ได้ตรงข้ามกับสติไม่ดีที่แปลว่าบ้านะ
แต่หมายถึงความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ท่านจำเป็นต้องขยายความ
มิฉะนั้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นพูดพล่ามต่อไปอีก
เห็นตัวอย่างวันนี้แล้ว
มันทำให้ผมนึกอะไรได้อย่างนึง คือนึกถึงโคลงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ท่านทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ผมจะอัญเชิญมากล่าวให้หลวงพ่อฟังนะครับ
คนพูดพยายามทำเสียงที่เจ้าตัวคิดว่าไพเราะที่สุด....
สายอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย
บ่ายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ
ชีพนา
เย็นอยู่หยอกลูกด้วย ค่ำม้วยดับสูญ...