อ้อย

เพ็ญศรี ศรีจินดา

V10003

 

         เรื่องนี้ได้ฟังจากเจ้าของเรื่อง อาจารย์หัวหน้าคณะที่นำนักเรียนมาปฏิบัติธรรม ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน และท่านได้อนุญาตให้นำเรื่องลง เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน

 

       อ้อยเป็นเยาวชนของชาติคนหนึ่ง เมื่อปีการศึกษาที่แล้ว (๒๕๓๘) เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม (ที่ไม่เอ่ยชื่อ เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าว) อ้อยเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพ่อแม่และพี่ ๆ ชีวิตวัยเด็กเป็นชีวิตที่มีความอบอุ่นและมีความสุข ต่อมาแม่ของอ้อยเสียชีวิต พ่อได้นำอ้อยไปฝากไว้กับญาติซึ่งมีลูกอยู่ในวัยเดียวกันและใกล้เคียงกับอ้อย คงมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา พี่ชายของอ้อยรับราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ มีครอบครัวของตนเอง และมีน้ำใจส่งเงินให้น้องใช้ด้วยวิธีผ่านทางธนาคารให้กด ATM ทุกเดือนมิได้ขาด อ้อยเริ่มคิดว่าชีวิตอ้อยชีวิตเดียว ไม่มีใครต้องการ เพื่อนเท่านั้นที่รู้ใจ เพื่อนพาไปหาความสุขให้กับชีวิต ด้วยวิธีหันเข้าหายาเสพย์ติดประเภทยาม้า จากที่เป็นสมาชิกกลุ่มคนหนึ่ง ต่อมาอ้อยได้เป็นผู้นำกลุ่มและมีเพื่อนร่วมกลุ่มประมาณ ๖๐ คน อ้อยเป็นผู้นำในการขาดเรียน พาเพื่อนเสพย์ยา เงินที่พี่ชายส่งให้ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เวลาเรียนทำท่าจะไม่พอ ทางโรงเรียนทั้งปลอบทั้งขู่จนเหลือทางเดียวคือเตรียมจะให้ออกโดยไม่จบ ม.๖ พอปลายภาคเรียนที่ ๒ โรงเรียนจัดให้มีโครงการอบรมจริยธรรม โดยนำนักเรียนชั้น ม.๖ มาอบรมที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน บ้านเนินทอง ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น สาขาวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อ้อยเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการเพราะความเมตตาของอาจารย์เจ้าของโครงการ

มาวันแรก ดิฉันเพียงแต่สังเกตเห็นมีเด็กผิดปกติคนหนึ่งแต่ไม่มีอะไรชัดเจน หลังจากปฐมนิเทศทำวัตรเย็น พิธีขอศีลสมาทานกรรมฐาน พระอาจารย์สอนกรรมฐานผ่านไปจนเข้านอนก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เข้าวันใหม่หลังจากทำวัตรเช้า (๐๔.๐๐ น.) พระอาจารย์สอนกรรมฐานต่อ ตอนเดินจงกรมดิฉันสังเกตเห็นเขาเดินตัวแข็งทื่อ เหมือนคนแสดงเป็นผีในหนังผี เวลายืนตาเขาจะไม่หลับเวลากำหนดยืนหนอ ดิฉันจะไปกระซิบว่าให้เขาไม่ต้องเกร็ง ให้ทำตัวตามสบาย ทำให้เป็นธรรมชาติเหมือนที่พระอาจารย์สอน แต่เขาก็ไม่ปิดเปลือกตาลง จนกระทั่งเวลานั่งสมาธิ เห็นเขาหลับตาไม่ได้ ดิฉันไปกระซิบอีก เขาตอบดิฉันว่า “หนูหลับไม่ได้ มันตาแข็ง” ดิฉันบอกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูทำเท่าที่หนูทำได้ก็แล้วกัน” ประมาณ ๕ นาที เขาเริ่มมีอาการเวียนศีรษะ และอาเจียน อาจารย์หัวหน้าคณะและดิฉันช่วยกันประคองออกมาข้างนอก เพื่อไม่ให้รบกวนผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่น ดิฉันจึงทราบเรื่องของเขาทั้งหมดจากอาจารย์ ส่วนตัวเขาเองเอาแต่ร้องไห้ ดิฉันปลอบและให้กำลังใจอ้อยว่า มีบุญที่สุดแล้วที่ได้มาพบทางที่หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล ท่านได้แผ้วถางป่าตัดทางปูพรม มีแสงสว่างส่องนำทางตามรอยพระพุทธองค์บรมศาสดา ให้พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญ โดยเฉพาะเยาวชนผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติมาศึกษาธรรมะและปฏิบัติจริง เพื่อนำชีวิตของตนเองไปสู่สิ่งที่ดีงาม ดิฉันถามเขาว่าอยากจะเลิกจริงไหม มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรมหรือไม่ อ้อยตอบว่าอยากจะเลิกและมีศรัทธาจริง ๆ ถามต่อไปว่า ถ้าให้อยู่ต่อโดยไม่ต้องกลับไปพร้อมเพื่อนทำได้หรือไม่ อ้อยตอบว่าทำได้

พระอาจารย์ธีรวัฒน์ ฐานุตตโร ปรึกษาตกลงกับอาจารย์หัวหน้าคณะว่าให้อยู่ พระอาจารย์ใช้วิธีการสอนของท่านโดยให้รักษาศีล ๕ ทำวัตรเช้าเย็น หางานให้ทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้จิตว่าง ไปช่วยงานครัวบ้าง รดน้ำต้นไม้บ้าง จนวันศุกร์ต่อมา วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร นำนักศึกษาเข้ามาปฏิบัติธรรมตามโครงการอบรมจริยธรรม พระอาจารย์ให้อ้อยเข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ คราวนี้อ้อยปฏิบัติได้ดีมาก ไม่มีปัญหาทางด้านร่างกายเหมือนก่อน ยิ่งกว่านั้น พ่อของอ้อยซึ่งอ้อยคิดว่าพ่อไม่เคยรักตัวเองเลย ได้เดินทางมาเยี่ยมลูก โดยที่อ้อยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพ่อจะมาเยี่ยมตน ทำให้อ้อยเริ่มมองชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น และเสียใจในการกระทำที่ผ่านมา อ้อยนั่งสมาธิไปร้องไห้ไปด้วยความสำนึกผิด

อ้อยเปิดใจกับผู้เข้าร่วมโครงการว่า อ้อยได้ชีวิตใหม่ ไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะได้ชีวิตกลับมาเป็นของตนเองอีกเลย จากนั้นพระอาจารย์และคณะกรรมการศูนย์ฯ ได้นำรถไปส่งอ้อยที่โรงเรียน ทางโรงเรียนได้นำนักเรียนเข้าห้องประชุม นิมนต์พระอาจารย์ให้ธรรมะเรื่องยาเสพย์ติด และให้อ้อยพูดให้เพื่อน ๆ ฟังถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของอ้อย ได้เรียกน้ำตาของครู นักเรียนและคณะที่ไปส่ง จบลงด้วยการเชิญชวนเพื่อน ๆ เลิกสิ่งนี้ให้ได้ ในที่สุดอ้อยก็เรียนจบ ม.๖ และกำลังเดินต่อไปสู่จุดหมายข้างหน้าคือปริญญาตรี

เรื่องของอ้อย คงจะเป็นตัวอย่างสำหรับเจ้าของชีวิตที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยการนำธรรมะของพระบรมศาสดาที่ตรัสรู้ ได้ พระอริยสงฆ์หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม) ได้ศึกษาและประยุกต์คำสอนให้ทุกคนที่มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัยไปศึกษาได้ ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ ไม่แบ่งเพศ แบ่งวัย ไม่แบ่งการศึกษา ขออย่างเดียวให้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะไปเป็นหมู่คณะหรือจะไปเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าที่ วัดอัมพวัน หรือที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ท่านไปได้ตลอดเวลา แต่ถ้าไปเป็นหมู่คณะ ขอให้ติดต่อล่วงหน้า สำหรับการตกลงวัน เวลา เท่านั้น..