อ้อย
เพ็ญศรี ศรีจินดา
เรื่องนี้ได้ฟังจากเจ้าของเรื่อง อาจารย์หัวหน้าคณะที่นำนักเรียนมาปฏิบัติธรรม
ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน และท่านได้อนุญาตให้นำเรื่องลง
เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน
อ้อยเป็นเยาวชนของชาติคนหนึ่ง เมื่อปีการศึกษาที่แล้ว (๒๕๓๘)
เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม
(ที่ไม่เอ่ยชื่อ เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าว)
อ้อยเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพ่อแม่และพี่ ๆ
ชีวิตวัยเด็กเป็นชีวิตที่มีความอบอุ่นและมีความสุข ต่อมาแม่ของอ้อยเสียชีวิต
พ่อได้นำอ้อยไปฝากไว้กับญาติซึ่งมีลูกอยู่ในวัยเดียวกันและใกล้เคียงกับอ้อย
คงมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา พี่ชายของอ้อยรับราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ
มีครอบครัวของตนเอง และมีน้ำใจส่งเงินให้น้องใช้ด้วยวิธีผ่านทางธนาคารให้กด ATM
ทุกเดือนมิได้ขาด อ้อยเริ่มคิดว่าชีวิตอ้อยชีวิตเดียว ไม่มีใครต้องการ
เพื่อนเท่านั้นที่รู้ใจ เพื่อนพาไปหาความสุขให้กับชีวิต
ด้วยวิธีหันเข้าหายาเสพย์ติดประเภทยาม้า จากที่เป็นสมาชิกกลุ่มคนหนึ่ง
ต่อมาอ้อยได้เป็นผู้นำกลุ่มและมีเพื่อนร่วมกลุ่มประมาณ ๖๐ คน อ้อยเป็นผู้นำในการขาดเรียน
พาเพื่อนเสพย์ยา เงินที่พี่ชายส่งให้ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
เวลาเรียนทำท่าจะไม่พอ ทางโรงเรียนทั้งปลอบทั้งขู่จนเหลือทางเดียวคือเตรียมจะให้ออกโดยไม่จบ
ม.๖ พอปลายภาคเรียนที่ ๒ โรงเรียนจัดให้มีโครงการอบรมจริยธรรม
โดยนำนักเรียนชั้น ม.๖ มาอบรมที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน บ้านเนินทอง
ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น สาขาวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
อ้อยเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการเพราะความเมตตาของอาจารย์เจ้าของโครงการ
มาวันแรก
ดิฉันเพียงแต่สังเกตเห็นมีเด็กผิดปกติคนหนึ่งแต่ไม่มีอะไรชัดเจน
หลังจากปฐมนิเทศทำวัตรเย็น พิธีขอศีลสมาทานกรรมฐาน
พระอาจารย์สอนกรรมฐานผ่านไปจนเข้านอนก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เข้าวันใหม่หลังจากทำวัตรเช้า (๐๔.๐๐ น.) พระอาจารย์สอนกรรมฐานต่อ
ตอนเดินจงกรมดิฉันสังเกตเห็นเขาเดินตัวแข็งทื่อ เหมือนคนแสดงเป็นผีในหนังผี
เวลายืนตาเขาจะไม่หลับเวลากำหนดยืนหนอ ดิฉันจะไปกระซิบว่าให้เขาไม่ต้องเกร็ง
ให้ทำตัวตามสบาย ทำให้เป็นธรรมชาติเหมือนที่พระอาจารย์สอน แต่เขาก็ไม่ปิดเปลือกตาลง
จนกระทั่งเวลานั่งสมาธิ เห็นเขาหลับตาไม่ได้ ดิฉันไปกระซิบอีก เขาตอบดิฉันว่า หนูหลับไม่ได้
มันตาแข็ง ดิฉันบอกเขาว่า ถ้าอย่างนั้นหนูทำเท่าที่หนูทำได้ก็แล้วกัน ประมาณ ๕ นาที เขาเริ่มมีอาการเวียนศีรษะ และอาเจียน
อาจารย์หัวหน้าคณะและดิฉันช่วยกันประคองออกมาข้างนอก เพื่อไม่ให้รบกวนผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่น
ดิฉันจึงทราบเรื่องของเขาทั้งหมดจากอาจารย์ ส่วนตัวเขาเองเอาแต่ร้องไห้
ดิฉันปลอบและให้กำลังใจอ้อยว่า มีบุญที่สุดแล้วที่ได้มาพบทางที่หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล
ท่านได้แผ้วถางป่าตัดทางปูพรม
มีแสงสว่างส่องนำทางตามรอยพระพุทธองค์บรมศาสดา ให้พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญ โดยเฉพาะเยาวชนผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติมาศึกษาธรรมะและปฏิบัติจริง
เพื่อนำชีวิตของตนเองไปสู่สิ่งที่ดีงาม ดิฉันถามเขาว่าอยากจะเลิกจริงไหม
มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรมหรือไม่
อ้อยตอบว่าอยากจะเลิกและมีศรัทธาจริง ๆ ถามต่อไปว่า
ถ้าให้อยู่ต่อโดยไม่ต้องกลับไปพร้อมเพื่อนทำได้หรือไม่ อ้อยตอบว่าทำได้
พระอาจารย์ธีรวัฒน์
ฐานุตตโร ปรึกษาตกลงกับอาจารย์หัวหน้าคณะว่าให้อยู่
พระอาจารย์ใช้วิธีการสอนของท่านโดยให้รักษาศีล ๕ ทำวัตรเช้าเย็น หางานให้ทำเล็ก ๆ
น้อย ๆ เพื่อไม่ให้จิตว่าง ไปช่วยงานครัวบ้าง รดน้ำต้นไม้บ้าง จนวันศุกร์ต่อมา วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร
นำนักศึกษาเข้ามาปฏิบัติธรรมตามโครงการอบรมจริยธรรม พระอาจารย์ให้อ้อยเข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
คราวนี้อ้อยปฏิบัติได้ดีมาก ไม่มีปัญหาทางด้านร่างกายเหมือนก่อน ยิ่งกว่านั้น
พ่อของอ้อยซึ่งอ้อยคิดว่าพ่อไม่เคยรักตัวเองเลย ได้เดินทางมาเยี่ยมลูก โดยที่อ้อยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพ่อจะมาเยี่ยมตน
ทำให้อ้อยเริ่มมองชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น และเสียใจในการกระทำที่ผ่านมา
อ้อยนั่งสมาธิไปร้องไห้ไปด้วยความสำนึกผิด
อ้อยเปิดใจกับผู้เข้าร่วมโครงการว่า
อ้อยได้ชีวิตใหม่ ไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะได้ชีวิตกลับมาเป็นของตนเองอีกเลย
จากนั้นพระอาจารย์และคณะกรรมการศูนย์ฯ ได้นำรถไปส่งอ้อยที่โรงเรียน
ทางโรงเรียนได้นำนักเรียนเข้าห้องประชุม นิมนต์พระอาจารย์ให้ธรรมะเรื่องยาเสพย์ติด
และให้อ้อยพูดให้เพื่อน ๆ ฟังถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของอ้อย ได้เรียกน้ำตาของครู
นักเรียนและคณะที่ไปส่ง จบลงด้วยการเชิญชวนเพื่อน ๆ เลิกสิ่งนี้ให้ได้
ในที่สุดอ้อยก็เรียนจบ ม.๖ และกำลังเดินต่อไปสู่จุดหมายข้างหน้าคือปริญญาตรี
เรื่องของอ้อย
คงจะเป็นตัวอย่างสำหรับเจ้าของชีวิตที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยการนำธรรมะของพระบรมศาสดาที่ตรัสรู้
ได้ พระอริยสงฆ์หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
ได้ศึกษาและประยุกต์คำสอนให้ทุกคนที่มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัยไปศึกษาได้ ปฏิบัติได้
และให้ผลได้ ไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ ไม่แบ่งเพศ แบ่งวัย ไม่แบ่งการศึกษา
ขออย่างเดียวให้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง
ไม่ว่าจะไปเป็นหมู่คณะหรือจะไปเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าที่ วัดอัมพวัน หรือที่
ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ท่านไปได้ตลอดเวลา
แต่ถ้าไปเป็นหมู่คณะ ขอให้ติดต่อล่วงหน้า สำหรับการตกลงวัน เวลา เท่านั้น..