กสฺมึ อตฺเถ ทุติยา?

 

๒๘๔. กมฺมตฺเถ ทุติยา.

กมฺมตฺเถ ลิงฺคมฺหา ทุติยาวิภตฺติ โหติ.

อนภิหิเต เอวายํ, “กมฺมนิ ทุติยายํ ตฺโต”ติ วจนญฺเจตฺถ ญาปกํ.

กึ กมฺมํ?

“เยน วา กยิรเต ตํ กรณ”นฺติ อิโต “วา”ติ วตฺตเต.

 

๒๘๕. ยํ กโรติ ตํ กมฺมํ.

ยํ วา กโรติ, ยํ วา วิกโรติ, ยํ วา ปาปุณาติ, ตํ การกํ กมฺมสญฺญํ โหติ.

อิธ ลิงฺคกาลวจนมตนฺตํ. กรียตีติ กมฺมํ. ตตฺถ การกํ, สาธกํ กฺริยานิปฺผตฺติยา การณมุจฺจเต, ตํ ปน การกํ ฉพฺพิธํ กมฺมํ กตฺตา กรณํ
สมฺปทานมปาทานโมกาโส จาติ. ตตฺถ สภาวโต, ปริกปฺปโต วา กมฺมาทิมฺหิ สติเยว กฺริยาภาวโต กมฺมาทีนํ ฉนฺนมฺปิ การกโวหาโร สิทฺโธว โหติ.

 

ตํ ปน กมฺมํ ติวิธํ นิพฺพตฺตนียํ วิกรณียํ ปาปณียญฺจาติ. ยถา—มาตา ปุตฺตํ วิชายติ, อาหาโร สุขํ ชนยติ. ฆฏํ กโรติ เทวทตฺโต, กฏฺฐมงฺคารํกโรติ, สุวณฺณํ เกยูรํ, กฏกํ วา กโรติ, วีหโย ลุนาติ. เทวทตฺโต นิเวสนํ
ปวิสติ, อาทิจฺจํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, ปณฺฑิเต ปยิรุปาสติ.

 

วุตฺตญฺจ

“นิพฺพตฺติวิกติปฺปตฺติ-, เภเทน ติวิธํ มตํ;

กตฺตุ กฺริยาภิคมฺมํ ตํ, สุขงฺคารํ นิเวสน”นฺติ.

 

เอตฺถ จ อิจฺฉิตานิจฺฉิตกถิตากถิตาทิเภทมนเปกฺขิตฺวา สพฺพสงฺคาหกวเสน “ยํ กโรติ ตํ กมฺม”นฺติ วุตฺตตฺตา, อตฺถนฺตรวิกปฺปนวาธิการโต จ สพฺพตฺถ อิมินาว กมฺมสญฺญา โหติ.

 

ตตฺถ อนิจฺฉิตกมฺมํ ยถา— กณฺฏกํ มทฺทติ, วิสํ คิลติ, คามํ คจฺฉนฺโต รุกฺขมูลํ อุปคจฺฉติ.

อกถิตกมฺมํ ยถา— ยญฺญทตฺตํ กมฺพลํ ยาจเต พฺราหฺมโณ. เอตฺถ หิ
“กมฺพล”มิติ กถิตกมฺมํ ทฺวิกมฺมิกาย ยาจนกฺริยาย ปตฺตุมิจฺฉิตตรตฺตา. “ยญฺญทตฺต”มิติ อปฺปธานตฺตา อกถิตกมฺมํ. ตถา สมิทฺธํ ธนํ ภิกฺขเต, อชํ คามํ นยติ, ปราภวนฺตํ ปุริสํ, มยํ ปุจฺฉาม โคตมํ, ภควา ภิกฺขู   เอตทโวจ อิจฺจาทิ.

อภิหิตกมฺเม ปน น โหติ, ยถา— กโฏ กรียเต เทวทตฺเตน, สุคเตน
เทสิโต ธมฺโม, ยญฺญทตฺโต กมฺพลํ ยาจียเต พฺราหฺมเณน อิจฺจาทิ.

 

“ทุติยา”ติ อธิกาโร.

 

๒๘๖. คติ พุทฺธิ ภุช ปฐ หร กร สยาทีนํ การิเต วา.

คมุ สปฺป คติมฺหิ, พุธ โพธเน, พุธ อวคมเน วา, ภุช ปาลนพฺยวหรเณสุ, ปฐ พฺยตฺติยํ วาจายํ, หร หรเณ, กร กรเณ, สิ สเย อิจฺเจวมาทีนํ   ธาตูนํ ปโยเค การิเต สติ ปโยชฺชกกตฺตุภูเต กมฺมนิ ลิงฺคมฺหา ทุติยาวิภตฺติ โหติ วา.

นิจฺจสมฺปตฺเต วิกปฺปตฺโถยํ, เตน ตสฺส ปกฺเข ตติยา โหติ.

 

โย โกจิ ปุริโส คามํ คจฺฉติ, ตมญฺโญ ปโยชยติ. ปุริโส ปุริสํ คามํ คมยติ, ปุริเสน วา คามํ คมยติ. เอวํ สิสฺสํ ธมฺมํ โพเธติ อาจริโย, มาตา ปุตฺตํ โภชนํ โภชยติ, สิสฺสํ ธมฺมํ ปาเฐติ อาจริโย, ปุริโส ปุริสํ ภารํ หาเรติ, ตถา ปุริโส ปุริสํ กมฺมํ การยติ, ปุริเสน วา กมฺมํ การาปยติ, ปุริโส ปุริสํ สยาปยติ. เอวํ สพฺพตฺถ การิเต กตฺตุกมฺมนิ ทุติยา.

การิเตติ กึ? ปุริโส คามํ คจฺฉติ.

อภิหิเต น ภวติ, ปุริเสน ปุริโส คามํ คมียเต, สิสฺโส ธมฺมํ โพธียเต      อิจฺจาทิ.

 

๒๘๗. กาลทฺธานมจฺจนฺตสํโยเค.

อจฺจนฺตํ นิรนฺตรํ สํโยโค อจฺจนฺตสํโยโค. กาลทฺธานํ ทพฺพคุณกฺริยาหิ อจฺจนฺตสํโยเค เตหิ กาลทฺธานวาจีหิ ลิงฺเคหิ ทุติยาวิภตฺติ โหติ.

กาเล ตาว— สตฺตาหํ ควปานํ, มาสํ มํโสทนํ, สรทํ รมณียา นที,      สพฺพกาลํ รมณียํ นนฺทนํ, มาสํ สชฺฌายติ, ตโย มาเส อภิธมฺมํ เทเสสิ.

อทฺธาเน— โยชนํ วนราชิ, โยชนํ ทีโฆ ปพฺพโต, โกสํ สชฺฌายติ.

อจฺจนฺตสํโยเคติ กึ? มาเส มาเส ภุญฺชติ, โยชเน โยชเน วิหารํ        ปติฏฺฐาเปสิ.

 

๒๘๘. กมฺมปฺปวจนียยุตฺเต.

กมฺมปฺปวจนีเยหิ นิปาโตปสคฺเคหิ ยุตฺเต โยเค สติ ลิงฺคมฺหา ทุติยาวิภตฺติ โหติ.

กมฺมํ ปวจนียํ เยสํ เต กมฺมปฺปวจนียา, ปรสมญฺญาวเสน วา          อนฺวาทโย กมฺมปฺปวจนียา. ตตฺถ อนุสทฺทสฺส ลกฺขเณ, สหตฺเถ,
หีเน จ กมฺมปฺปวจนียสญฺญา วุตฺตา. ยถา— ปพฺพชิตมนุ ปพฺพชึสุ,
นทิมนฺววสิตา พาราณสี, นทิยา สห อวพทฺธาติอตฺโถ, อนุ สาริปุตฺตํ ปญฺญวา.

ลกฺขณาทีสุ “ลกฺขณิ’ตฺถมฺภูตกฺขานภาค วิจฺฉาสุ ปติ ปริ อนโว”ติ ปติ ปริ อนูนํ กมฺมปฺปจนียสญฺญา วุตฺตา.

ลกฺขเณ สูริยุคฺคมนํ ปติ ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, รุกฺขํ ปติ วิชฺโชตเต จนฺโท, รุกฺขํ ปริ, รุกฺขํ อนุ.

อิตฺถมฺภูตกฺขาเน สาธุ เทวทตฺโต มาตรํ ปติ, มาตรํ ปริ, มาตรํ อนุ.

ภาเค ยเทตฺถ มํ ปติ สิยา, มํ ปริ, มํ อนุ, ตํ ทียตุ.

วิจฺฉาโยเค อตฺถมตฺถํ ปติ สทฺโท นิวิสติ, รุกฺขํ รุกฺขํ ปติ วิชฺโชตเต จนฺโท, รุกฺขํ รุกฺขํ ปริ, รุกฺขํ รุกฺขํ อนุ.

“อภิรภาเค”ติ อภิสฺส ภาควชฺชิเตสุ ลกฺขณาทีสุ กมฺมปฺปจนีย สญฺญาวุตฺตา. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต, สาธุเทวทตฺโต มาตรํ อภิ.

นิปาเต ธิ พฺราหฺมณสฺส หนฺตาร มิจฺเจวมาทิ.

 

๒๘๙. กฺวจิ ทุติยา ฉฏฺฐีนมตฺเถ.

ฉฏฺฐีนํ อตฺเถ กฺวจิ ทุติยาวิภตฺติ โหติ. อนฺตราอภิโต ปริโต ปติ ปฏิภาติโยเค อยํ.

อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน,       ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ มชฺเฌติ อตฺโถ. อภิโต คามํ วสติ, ปริโต คามํ วสติ, นทึ เนรญฺชรํ ปติ, เนรญฺชราย นทิยา สมีเปติ อตฺโถ.

ปฏิภนฺตุ ตํ จุนฺท โพชฺฌงฺคา, อุปมา มํ ปฏิภาติ,
อุปมา มยฺหํ อุปฏฺฐหตีติ อตฺโถ.

“กฺวจิ ทุติยา, อตฺเถ”ติ จ วตฺตเต.

 

๒๙๐. ตติยาสตฺตมีนญฺจ.

ตติยาสตฺตมีนมตฺเถ จ กฺวจิ ลิงฺคมฺหา ทุติยาวิภตฺติ โหติ.

ตติยตฺเถ สเจ มํ นาลปิสฺสติ, ตฺวญฺจ มํ นาภิภาสสิ, วินา สทฺธมฺมํ กุโต สุขํ, อุปายมนฺตเรน น อตฺถสิทฺธิ.

สตฺตมิยตฺเถ— กาเล, อุปานฺวชฺฌาวสสฺส ปโยเค, อธิสิฏฺฐาวสานํ   ปโยเค, ตปฺปานจาเร จ ทุติยา.

กาเล ตาว— ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา, เอกํ สมยํ ภควา. อิมํ รตฺตึ  จตฺตาโร มหาราชาโน.

อุปาทิปุพฺพสฺส วสธาตุสฺส ปโยเค— คามํ อุปวสติ, คามํ อนุวสติ,       วิหารํ อธิวสติ, คามํ อาวสติ, อคารํ อชฺฌาวสติ. ตถา ปถวึ อธิเสสฺสติ, คามํ อธิติฏฺฐติ, คามํ อชฺฌาวสติ.

ตปฺปานจาเรสุ— นทึ ปิวติ, คามํ จรติ อิจฺจาทิ.